Wednesday, July 17, 2013

ปปช.เสนอแนะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในเรื่องการรับจำนำข้าว



http://www.nacc.go.th/download/article/article_20130717161955.pdf



ข้อเสนอแนะสมัย นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

            1. คณะอนุกรรมการศึกษามาตรการการแทรกแซงราคาพืชผลและผลิตผลการเกษตรเพื่อป้องกัน

การทุจริตได้พิจารณาคําแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ชุดที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้

แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยกําหนดนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดําเนินการในปีแรก

ในส่วนของการยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดูแลสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ

ที่เหมาะสม คํานึงถึงกลไกราคาตลาดโลก โดยใช้วิธีบริหารจัดการทางการตลาดและกลไกตลาดซื้อขายล่วงหน้า

รวมทั้งผลักดันให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาสูงเพียงพอเมื่อเทียบกับต้นทุน และนําระบบรับ๓

จํานําข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้นไม่เกินร้อยละ ๑๕ ที่ราคาเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท และ

๒๐,๐๐๐ บาทตามลําดับ พร้อมทั้งจัดให้มีการเยียวยาความเสียหายของพืชผลจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกร

การจัดทําระบบทะเบียนครัวเรือนเกษตรกรให้สมบูรณ์ และการออกบัตรเครดิตสําหรับเกษตรกรแล้วเห็นว่า

                      1) การแทรกแซงตลาดพืชผลทางการเกษตร ด้วยวิธีการรับจํานํา ซึ่งจากการศึกษาวิจัย

พบว่าในอดีตที่ผ่านมาเกิดปัญหาขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบิดเบือนกลไกตลาด การที่รัฐต้องมีข้าว

จากการรับจํานําในสต๊อกเป็นจํานวนมาก และเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเป็นจํานวนมาก รวมทั้งคุณภาพ

ของข้าวที่เก็บแล้วระบายออกไม่ทันเสื่อมคุณภาพลงทําให้ราคาข้าวตกต่ํา และประการสําคัญมีปัญหาของการทุจริต

ในทุกขั้นตอนของกระบวนการรับจํานํา ผู้ได้ประโยชน์จากนโยบายเป็นเพียงบุคคลบางกลุ่มไม่ครอบคลุมเกษตรกร

อย่างทั่วถึง

                      2) การเปลี่ยนแปลงนโยบายการแทรกแซงตลาดข้าวจากวิธีการรับจํานํา มาเป็นการ

ประกันรายได้ สามารถลดช่องทางการทุจริตเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง ด้วยเพราะวิธีการแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โอกาส

ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปแสวงหาประโยชน์จากการดําเนินนโยบายมีน้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีการรับจํานํา รวมทั้ง

ผลประโยชน์ตกแก่เกษตรกรอย่างทั่วถึง และกลไกตลาดไม่ถูกบิดเบือน

                     3) แม้ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน จะนํานโยบายการรับจํานํากลับมาใช้เพื่อแทรกแซงตลาด

ข้าว โดยอ้างว่าเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนก็ตาม แต่ในอดีตที่ผ่านมาทั้งจากการศึกษาวิจัย และจาก

เรื่องกล่าวหาร้องเรียนที่เข้ามาสู่กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่านโยบายการรับจํานําเป็น

ช่องทางของการทุจริตอย่างมากมายและมีผลเสียนานัปการ ดังนั้นเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กร

ตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ได้ตระหนักและเห็นถึงโอกาสในการทุจริตและสร้างความ

เสียหายแก่ประเทศอันมีผลสืบเนื่องมาจากนโยบายการรับจํานํา ก็ไม่สมควรที่จะเพิกเฉย แต่ควรที่จะดําเนินการเพื่อ

ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทุจริต และความไม่มีประสิทธิภาพของนโยบายการรับจํานําดังกล่าว และ

เห็นควรที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ยืนยันในผลการศึกษาวิจัยมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต

และข้อเสนอแนะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาและความเสียหายอันเกิด

จากนโยบายแทรกแซงตลาดข้าวด้วยวิธีการรับจํานํา ไปยังรัฐบาลเพื่อทราบอีกครั้งหนึ่ง

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาความเห็นของคณะอนุกรรมการศึกษามาตรการการแทรกแซง

ราคาพืชผลและผลิตผลการเกษตรเพื่อป้องกันการทุจริต เกี่ยวกับนโยบายแทรกแซงตลาดข้าวด้วยวิธีการรับจํานํา

ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน แล้วมีมติเห็นชอบให้ดําเนินการตามความเห็นของคณะอนุกรรมการตามที่เสนอ

            2. หลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แจ้งยืนยันผลการศึกษาวิจัย

มาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต และข้อเสนอแนะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอต่อ

คณะรัฐมนตรี ซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาและความเสียหายอันเกิดจากนโยบายแทรกแซงตลาดข้าวด้วยวิธีการรับจํานําไป

ยังรัฐบาลแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ได้ดําเนินการศึกษา ติดตาม และเฝ้าระวังการทุจริตตามนโยบายแทรกแซงตลาด

ข้าวด้วยวิธีการรับจํานําของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยได้เชิญผู้แทนจากส่วนราชการ หน่วยงานที่

เกี่ยวข้องกับการดําเนินนโยบายการรับจํานําข้าวของรัฐบาล ผู้แทนจากองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายข้าว

และส่งออก มาชี้แจงให้ข้อเท็จจริง รวมทั้ง จากพฤติการณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะทางสื่อมวลชนต่าง ๆ แล้วพบว่าการ

ดําเนินโครงการแทรกแซงตลาดข้าวด้วยวิธีการรับจํานําของรัฐบาลปัจจุบัน ยังคงก่อให้เกิดปัญหาในด้านต่าง ๆ

อย่างมากมายอยู่เช่นเดิมดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการทุจริตทั้งในเชิงนโยบาย และในส่วน

ของขั้นตอน และกระบวนการในการดําเนินโครงการ ๔

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังคงต้องดําเนินโครงการดังกล่าวต่อไป เนื่องจากเป็นนโยบายหลัก

ที่สําคัญ ซึ่งได้หาเสียงไว้กับประชาชนและแถลงต่อรัฐสภา ดังนั้น เพื่อให้การดําเนินโครงการรับจํานําข้าวเปลือก

บังเกิดประโยชน์แก่เกษตรกรที่ได้เพาะปลูกข้าวจริงและสุจริต เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร รวมทั้งเป็นการ

ป้องกันการทุจริตและป้องกันมิให้การดําเนินโครงการรับจํานําข้าวเปลือกก่อให้ความสูญเสียด้านงบประมาณที่

อาจจะเกิดขึ้นได้ และมีผลกระทบต่อการแข่งขันการส่งออกข้าวไทย เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา

ดําเนินการ ดังนี้

                      ๑. การดําเนินการตามนโยบายยกระดับราคาข้าว

คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ควรได้พิจารณา

                           ๑) กําหนดราคารับจํานําข้าวเปลือกแต่ละชนิดให้เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่

เกษตรกรแบกรับภาระอยู่ โดยอยู่บนพื้นฐานของความสมเหตุสมผล และไม่บิดเบือนกลไกตลาด

                           ๒) มุ่งเน้นช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างแท้จริง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่

รับผิดชอบพิจารณาแนวหาทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต

ข้าว

                           ๓) ให้รัฐบาลติดตามและประเมินผลโครงการฯ อย่างเป็นรูปธรรม โดยอาจให้องค์กรเอกชน

ศึกษาถึงผลสัมฤทธิ์ในการดําเนินโครงการรับจํานํา แล้วนํามาพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

                     ๒. การดําเนินโครงการรับจํานําข้าวเปลือก

                          (๑) การขึ้นทะเบียนและรับรองเกษตรกร

                               ๑) นอกเหนือจากการกําหนดให้มีกระบวนการทําประชาคม และให้ผู้บริหารขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถิ่นรับรองเกษตรกรแล้ว ให้กรมส่งเสริมการเกษตรพิจารณาให้มีและนําเทคโนโลยีสารสนเทศมา

ใช้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนและรับรองเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้เฉพาะเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวจริง

และสุจริตที่จะได้ได้รับประโยชน์จากการดําเนินตามนโยบายของรัฐบาล

                               ๒) กําหนดให้มีมาตรการลงโทษที่เหมาะสมและจริงจังกับเกษตรกรที่ไม่สุจริต

                          (๒) การระบายข้าวสารจากคลังสินค้าของรัฐบาล

                               ๑) เพื่อมิให้ข้าวที่ได้มาจากการดําเนินโครงการรับจํานําข้าวเปลือก ปี ๒๕๕๔/๕๕

ก่อให้เกิดความสูญเสียงบประมาณของรัฐเป็นจํานวนมาก ที่มีผลเนื่องมาจากการเก็บรักษาข้าวเป็นเวลานาน ข้าว

เกิดความเสียหาย เสื่อมคุณภาพ สูญเสียน้ําหนัก และเป็นการป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงเป็นการสมควร

ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือที่เกี่ยวข้อง กําหนดให้มีแผนการบริหารจัดการการระบายข้าวที่เก็บ

รักษาไว้ในโกดังกลางอย่างเป็นระบบ การปิดบัญชีโครงการฯ พร้อมทั้งให้รายงานผลการดําเนินการหรือที่ไม่

สามารถไม่ดําเนินการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวได้ ให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณา

โดยเร็ว และต่อเนื่อง

                               ๒) หลักเกณฑ์ วิธีการ และรายละเอียดในการดําเนินการ และผลของการระบายหรือ

ขายข้าวที่อยู่ในคลัง หรือโกดังกลางที่อยู่ในความดูแลขององค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.) หรือองค์การตลาดเพื่อ

เกษตรกร (อ.ต.ก.) ให้ประกาศโดยเปิดเผยเป็นที่ทราบแก่บุคคลทั่วไป และดําเนินการด้วยความโปร่งใส

            3. คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ ได้พิจารณาและยืนยันว่า

การดําเนินการโครงการรับจํานําข้าวเปลือกมีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในการยกระดับราคาพืชผล

ทางการเกษตร รวมทั้งเป็นการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรในชนบทตามแนวนโยบายที่รัฐบาล

ได้แถลงต่อรัฐสภาทุกประการ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันว่าการดําเนินโครงการดังกล่าวมีมาตรการและ

กลไกในการควบคุมกํากับดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีระบบการ๕

ตรวจสอบให้การดําเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดําเนินโครงการ

ทั้งในระดับพื้นที่และในระดับปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและป้องกันการทุจริต คณะรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้รอง

นายกรัฐมนตรี (ร้อยตํารวจเอก เฉลิม อยู่บํารุง) สั่งการให้หน่วยงานในกํากับ ดําเนินการตรวจสอบเพื่อป้องกันการ

ทุจริตในระดับปฏิบัติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ

กระทรวงพาณิชย์ ให้ความร่วมมือ หากตรวจสอบพบกรณีทุจริตให้ดําเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

            4. การสนองตอบของรัฐบาลต่อข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. รัฐบาลก็ได้มีการดําเนินการไปหลายส่วน

อาทิ กําหนดราคารับจํานําข้าวเปลือกแต่ละชนิดให้เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เกษตรกรแบกรับภาระอยู่

การมุ่งเน้นช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างแท้จริง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณา

แนวหาทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิตข้าว การนํา

เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนและรับรองเกษตรกร เพื่อให้เฉพาะเกษตรกรที่เพาะปลูก

ข้าวจริงและสุจริตที่จะได้ได้รับประโยชน์จากการดําเนินตามนโยบายของรัฐบาล ฯลฯ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประการสําคัญ คือ ในเรื่องของ

การระบายข้าวสารจากคลังสินค้าของรัฐบาล โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือที่เกี่ยวข้อง กําหนดให้มี

แผนการบริหารจัดการการระบายข้าวที่เก็บรักษาไว้ในโกดังกลางอย่างเป็นระบบ การปิดบัญชีโครงการฯ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักเกณฑ์ วิธีการ และรายละเอียดในการดําเนินการ และผลของการระบายหรือขายข้าว

ที่อยู่ในคลัง หรือโกดังกลางที่อยู่ในความดูแลขององค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร

(อ.ต.ก.) ให้ประกาศโดยเปิดเผยเป็นที่ทราบแก่บุคคลทั่วไป และดําเนินการด้วยความโปร่งใส รัฐบาล

ยังสนองตอบได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร

ข้อมูลจากสํานักมาตรการป้ องกนการทุจริต

No comments:

Post a Comment